ภูมิใจไทย "เพื่อนปกรณ์คัพ" กระตุ้นกีฬาฟุตบอลในสุรินทร์

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ดร.ปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ "ภูมิใจไทย เพื่อนปกรณ์คัพ" ครั้งที่ 1 ณ สนามโรงเรียนบ้านจารย์วิทยาคาร ต.หนองเหล็ก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ โดยมีผู้บริหารท้องถิ่นและหน่วยงานราชการต่างๆ เข้าร่วมงานจำนวนมาก

กีฬาฟุตบอลเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเยาวชนและชุมชน

ส่งเสริมการออกกำลังกายและห่างไกลยาเสพติด

การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทุกกลุ่มวัยสนใจในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาฟุตบอล เพื่อสุขภาพที่ดี และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากอบายมุขและยาเสพติด นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนการส่งเสริมการเล่นกีฬาฟุตบอลยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์และความสามัคคีในชุมชน โดยการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งกลุ่มเพื่อนปกรณ์ สโมสรสุรินทร์ซิตี้ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสามัคคีของคนในชุมชน

พัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ระดับอาชีพ

นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้เยาวชนและบุคคลที่มีความสามารถในทักษะกีฬาฟุตบอล ได้พัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพ สามารถสร้างรายได้จากการเล่นกีฬา และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุรินทร์และประเทศชาติดร.ปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ได้ริเริ่มโครงการต้นกล้าฟุตบอลไทยและโครงการต้นกล้ามวยไทย เพื่อเป็นแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะให้เป็นต้นกล้าไปสู่นักกีฬาไทยที่มีชื่อเสียง เช่น บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยน็อคเอาท์ซีพีเพรซมาร์ท ยอดมวยโลก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของชาวจังหวัดสุรินทร์ โครงการเหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นต่อไป และเป็นการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านกีฬา

ส่งเสริมความสัมพันธ์ในชุมชน

การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์และความสมัครสมานสามัคคีระหว่างชุมชนหมู่บ้าน รวมถึงหน่วยราชการที่ให้การสนับสนุน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยการแข่งขันได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท/รุ่น ได้แก่ ประเภทรุ่นประชาชนทั่วไป และประเภทรุ่นประชาชนอวุโส (อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป) มีผู้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 21 ทีมการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งกลุ่มเพื่อนปกรณ์ สโมสรสุรินทร์ซิตี้ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสามัคคีของคนในชุมชน นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

ประวัติศาสตร์ในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

หลังจากที่ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยที่ 2 ในการแข่งขันเทควันโดที่ปารีส เธอได้เปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี อดีตนักเทควันโดทีมชาติไทย ก่อนที่จะบินกลับประเทศไทย

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ

การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยที่ 2

การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยที่ 2 ของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจอย่างมาก เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความพากเพียร และความสามารถในการแข่งขันระดับโลกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การคว้าเหรียญทองแดงในริโอเกมส์ 2016 และเหรียญทองในโตเกียวเกมส์ 2020 มาจนถึงการคว้าเหรียญทองในปารีสเกมส์ 2024 นี้ ซึ่งถือเป็นการทำสถิติเป็นนักกีฬาโอลิมปิกคนแรกของไทยที่คว้าเหรียญโอลิมปิก 3 ครั้งติดต่อกัน

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นั้น เป็นการพบกับ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและคู่ซ้อมของเธอ การแข่งขันในครั้งนี้จึงมีความพิเศษเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน และต่างก็ต้องการที่จะเอาชนะอีกฝ่ายเพื่อคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งถือเป็นความท้าทายและความตื่นเต้นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

การเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์

หลังจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ได้เปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี โดยการโพสต์คลิปคู่ผ่านเฟสบุ๊กพร้อมกับแคปชั่นที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาเป็นเวลานาน การเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ในครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันความรักและความผูกพันระหว่างทั้งสองคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง

การเดินทางไปเชียร์และมอบช่อดอกไม้

ก่อนที่ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จะบินกลับประเทศไทย เธอได้เดินทางไปที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อติดตามเชียร์การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ และมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ของ "เทนนิส" การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความรักและความผูกพันระหว่างทั้งสองคน รวมถึงความภาคภูมิใจในความสำเร็จของ "เทนนิส" อย่างเห็นได้ชัด