ภูริช โยเฮือง: การเดินทางสู่ความฝันบนเวทีโอลิมปิก

ภูริช โยเฮือง นักกีฬาปัญจกีฬาทีมชาติไทย ได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเขาได้เล่าเส้นทางการเป็นนักกีฬาปัญจกีฬา ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นนักว่ายน้ำ จนมาเปลี่ยนมาเล่นปัญจกีฬา และขอบคุณโค้ชที่ช่วยฝึกสอนมาร่วม 7 ปี รวมถึงการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเวลา 8 เดือน ก่อนลุยศึกโอลิมปิก

ก้าวสู่ความฝันบนเวทีโอลิมปิก

จากนักว่ายน้ำสู่นักปัญจกีฬา

ภูริช โยเฮือง เริ่มต้นเป็นนักกีฬาว่ายน้ำตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนถึง 14 ปี ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเล่นกีฬาปัญจกีฬา หรือ modern pentathlon ซึ่งเป็นกีฬาที่ประกอบด้วย 5 ประเภท ได้แก่ การยิงปืน การขี่ม้า การว่ายน้ำ การเดิน-วิ่ง และการฝึกดาบ เขาได้เดินทางร่วมกับโค้ชมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ผ่านการแข่งขันมาหลายรายการ ทั้ง World Cups, World Championships, Sea Games, Asian Games และล่าสุดคือ Olympic Games Paris 2024

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับโค้ช

ภูริช กล่าวขอบคุณโค้ชที่ช่วยฝึกสอนมาตลอด 7 ปี ว่าเขาไม่ใช่เพียงแค่โค้ช แต่เป็นเหมือนพ่อคนหนึ่งเลย จากที่เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็ต้องฝึกพูดเพื่อให้สื่อสารกับโค้ชได้ และโค้ชยังทำให้เขารู้ว่าโลกนี้มีความสวยงามมากกว่าที่เขาคิด และยังมีสิ่งที่เขายังไม่ได้ทำอีกเยอะ

การเก็บตัวฝึกซ้อมที่โปรตุเกส

ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก ภูริช ได้มีการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมปัญจกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทัพเรือ โดยในช่วงเวลานั้น เขาไม่เพียงแค่ได้ฝึกฝนตนเองด้านกีฬา แต่ยังได้ประสบการณ์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การเรียนรู้ภาษา การได้เพื่อนใหม่ การลิ้มลองอาหารใหม่ ๆ และการเรียนรู้วัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชาวยุโรป รวมถึงสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเล่นกีฬาของเขา

ความรู้สึกก่อนลงสู่สนามแข่งขัน

ภูริช กล่าวว่า เมื่อมองในมุมมองของระดับโลก เขายังต้องฝึกฝนอีกเยอะ แต่ในมุมมองของตัวเขาเอง เขามีความสุขมากที่สามารถลงแข่งขันจนจบได้ และเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมายืนในจุดที่เขาฝันไว้ได้ แต่เขาก็ทำมันสำเร็จแล้ว

การขอบคุณและกำลังใจ

ภูริช กล่าวขอบคุณตัวเอง ครอบครัว เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ และชาวไทยทุกคน ที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนเขามาโดยตลอด เพราะถ้าไม่มีพวกเขา เขาคงไม่มีโอกาสได้มายืนในจุดนี้ และไม่มีประสบการณ์ที่มีค่าแบบนี้

ยาดมหงส์ไทย ร่วมสนับสนุนนักกีฬาไทยคว้าเหรียญโอลิมปิก 2024 พร้อมมอบเงินรางวัลและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ผู้ผลิตยาดม "หงส์ไทย" ที่กลายเป็นกระแสไวรัลในโอลิมปิก 2024 ประกาศอัดฉีดเงินรางวัลและมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนที่คว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศส

ยาดมหงส์ไทย ช่วยเพิ่มพลังและความสดชื่นให้นักกีฬาไทยคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิก

ยาดมหงส์ไทย กลายเป็นกระแสไวรัลในโอลิมปิก 2024

ยาดมหงส์ไทยกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล หลังจากนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย อย่าง ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย และ เวฟ วีรพล วิชุมา ใช้ยาดมหงส์ไทยเป็นตัวช่วยให้สดชื่นและช่วยให้หายจากอาการหน้ามืดระหว่างวอร์มก่อนขึ้นไปยกน้ำหนัก จนสามารถคว้าเหรียญเงินมาครอง ซึ่งเป็นการสร้างกระแสให้กับยาดมหงส์ไทยอย่างมาก

บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ประกาศสนับสนุนนักกีฬาไทยคว้าเหรียญโอลิมปิก

ล่าสุด บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้ออกมาประกาศว่า จะร่วมสนับสนุนนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจะมอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาทุกคนที่ได้เหรียญรางวัล ในอัตรา 200,000 บาทต่อเหรียญ พร้อมทั้งมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำนวน 1,200 โหล ให้กับ กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย) เพื่อส่งมอบให้กับสมาคมกีฬาของนักกีฬาที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้

ทัพนักกีฬาไทยคว้า 6 เหรียญรางวัลในโอลิมปิก 2024 ก่อนลุ้นเหรียญที่ 7

ก่อนหน้านี้ ทัพนักกีฬาไทยได้ไปแล้ว 6 เหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีรายละเอียดดังนี้1 เหรียญทอง (เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด 49 กก. หญิง)3 เหรียญเงิน (วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แบดมินตัน ชายเดี่ยว / ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย ยกน้ำหนัก 61 กก. ชาย / เวฟ วีรพล วิชุมา ยกน้ำหนัก 73 กก. ชาย)2 เหรียญทองแดง (บี จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง มวยสากล 66 กก. หญิง / ออย สุรจนา คำเบ้า ยกน้ำหนัก 49 กก. หญิง)ในวันนี้ ทีมชาติไทยยังมีโอกาสลุ้นเหรียญรางวัลที่ 7 จาก ส้ม ดวงอักษร ใจดี ในการแข่งขันยกน้ำหนัก รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัม หญิง

หงส์ไทย ร่วมสร้างกำลังใจและความสดชื่นให้นักกีฬาไทย

บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้ให้ความเห็นว่า "หงส์ไทย ดีใจที่ได้เป็นส่วนร่วมในการเพิ่มกำลังใจและสร้างความสดชื่นให้กับนักกีฬาไทย เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จของคนไทยทุกคน" โดยยาดมหงส์ไทยได้กลายเป็นอาวุธลับที่อยู่คู่กับนักกีฬาไทยมาโดยตลอด

ยาดมสมุนไพรหงส์ไทย: ก้าวสู่ความสำเร็จระดับโลก

ยาดมสมุนไพรกระปุกเขียวของแบรนด์หงส์ไทย กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก หลังจากนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย "ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย" และ "เวฟ วีรพล วิชุมา" ใช้ยาดมนี้ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก และสามารถคว้าเหรียญเงินได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างมาก

ยาดมหงส์ไทย: เครื่องมือสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้นักกีฬาไทย

ยาดมหงส์ไทย กับการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย

ภาพของนักกีฬาทีมชาติไทยที่ดมยาดมหงส์ไทยก่อนการแข่งขันโอลิมปิก กลายเป็นมีมที่ดังไปทั่วโลก ทำให้ชาวต่างชาติสงสัยว่านักกีฬาไทยใช้อะไรกันหนอ ซึ่งนับเป็นการสร้าง "Soft Power" ให้กับประเทศไทยอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์และความแข็งแกร่งของนักกีฬาไทยไม่เพียงแค่ฟ่าง ธีรพงศ์ ที่ได้ออกมาโชว์การดมยาดมหงส์ไทยก่อนการแข่งขัน แต่นักกีฬาคนอื่นๆ ของทีมชาติไทยก็ได้ใช้ยาดมนี้เพื่อเพิ่มพลังในการแข่งขัน อย่างเช่น "เวฟ วีรพล วิชุมา" ที่ได้คว้าเหรียญเงินยกน้ำหนักโอลิมปิก 2024 และทำลายสถิติเยาวชนโลกในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก

หงส์ไทย มอบเงินรางวัลและผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้นักกีฬาไทย

ล่าสุด บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ได้ออกมาประกาศมอบเงินรางวัล 200,000 บาท ให้กับนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญโอลิมปิก 2024 ในปารีส นอกจากนี้ยังมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรจำนวน 1,200 โหล ให้กับ กกท. เพื่อส่งมอบให้กับสมาคมกีฬาของนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วยบริษัทหงส์ไทยกล่าวว่า พวกเขารู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มกำลังใจและสร้างความสดชื่นให้กับนักกีฬาไทย โดยถือว่ายาดมหงส์ไทยเป็น "อาวุธลับ" ที่อยู่คู่กับนักกีฬาไทยมาโดยตลอด และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างพวกเขาเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ

ยาดมหงส์ไทย: ความภาคภูมิใจของคนไทย

ยาดมสมุนไพรหงส์ไทยไม่เพียงแค่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การที่นักกีฬาทีมชาติไทยใช้ยาดมนี้ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก และสามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักกีฬาระดับโลกความสำเร็จของนักกีฬาไทยในการใช้ยาดมหงส์ไทยเป็นอาวุธลับ ไม่เพียงแค่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จระดับโลก ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน