การคว้าเหรียญโอลิมปิกของไทยที่ปารีส 2024: เส้นทางสู่การเป็นมหาอำนาจกีฬาแห่งเอเชียการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 "ปารีส 2024" ในช่วงวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถือเป็นเวทีอันทรงเกียรติที่นักกีฬาทีมชาติไทยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้า 6 เหรียญรางวัล ซึ่งรวมถึงเหรียญทองเหรียญแรกในกีฬาเทนนิส และเหรียญเงินในแบดมินตัน จากการแสดงศักยภาพอันโดดเด่นของนักกีฬาไทย แม้จะไม่สามารถพาชาติขึ้นไปรั้งตำแหน่งอันดับสูงในเอเชีย แต่ก็ถือเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจ และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวงการกีฬาไทยสู่ระดับโลกต่อไป

ความเหนือชั้นของไทยในแมทช์อาเซียน เทียบเดิมเป็นเหมือนการก้าวผ่านแดนผู้ล้าหลังแต่ยังไม่พอ

ผลงานโดดเด่นในกรอบภูมิภาคอาเซียน แต่ยังต้องปรับปรุงให้ก้าวสู่ระดับเอเชีย

ทัพนักกีฬาไทยสร้างผลงานสุดยอดในศึกปารีสเกมส์ โดยคว้าเหรียญรางวัลถึง 6 เหรียญ ซึ่งสูงกว่าประเทศอาเซียนทั้งอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่ คว้าไป 4 เหรียญและ 3 เหรียญตามลำดับ โดยไทยจบอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับผลงานในอดีต ถือว่าแบบนี้ยังไม่พอ เนื่องจากเคยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้มากกว่า 1 เหรียญ และมีคะแนนสะสมเป็นอันดับสูงใน 15 ชาติแรกของโลก

เจาะลึกผลงานในแต่ละกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับทัพไทย

หนึ่งในจุดเด่นของผลงานครั้งนี้คือ การประสบความสำเร็จของนักกีฬาหลายประเภท ในขณะที่ยกน้ำหนักยังคงเป็นกีฬาที่คว้าเหรียญได้มากที่สุด รวมทั้งมวยสากลและเทควันโดที่สามารถคงความเข้มแข็งได้ แต่กีฬาที่น่าสนใจคือ แบดมินตัน ที่สามารถทำผลงานสร้างสุดยอดความภาคภูมิใจด้วยการคว้าเหรียญเงินมาครอง ถือเป็นผลงานประวัติศาสตร์ครั้งแรกของไทยในกีฬาชนิดนี้

บทวิเคราะห์เชิงลึกกับการที่ไทยได้โควต้ามาก แต่เหรียญน้อย

ทั้งนี้ แม้ว่าทีมชาติไทยจะมีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแปลงโควต้าให้เป็นเหรียญรางวัลได้ง่ายนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องมาวิเคราะห์และหาแนวทางสำหรับการพัฒนามากขึ้น เช่น ในกีฬามวยสากลที่ได้โควต้าถึง 8 ใบ แต่ได้เพียง 1 เหรียญเท่านั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความบกพร่องในด้านต่าง ๆ เช่น การตัดสิน และการให้คะแนน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างเป็นระบบต่อไป

แผนสู่การเป็นมหาอำนาจกีฬาแห่งเอเชีย ในอีก 4 ปีข้างหน้า

หัวหน้าคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ธนา ไชยประสิทธิ์ ได้กล่าวชัดเจนว่า ผลงานในครั้งนี้ ถือว่าดีกว่าในโอลิมปิกเกมส์ "โตเกียว 2020" แต่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทำผลงานได้ดีกว่า ดังนั้น ในอีก 4 ปีข้างหน้า ก่อนถึงมหกรรมกีฬาโอลิมปิก "แอลเอ 2028" ต้องมีการรวบรวมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาไทยให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น และสามารถแข่งขันในระดับเอเชียได้อย่างมั่นใจ โดยจะต้องมีการวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งอย่างละเอียด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการกีฬาไทยอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้