โอลิมปิกไทยทั้งกล้า ทั้งเข้มแข็ง พร้อมลุยสู่ความสำเร็จบนเวที โอลิมปิกครั้งต่อไป

วันนี้เราได้พบกับเหล่านักกีฬาฮีโร่ของไทยที่เตรียมพร้อมลุยสู่เวที โอลิมปิก ปารีส 2024 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยให้ก้าวไกลไปอีกระดับ

แรงบันดาลใจ พลังใจสำคัญให้ทัพนักกีฬาไทย

เติมเต็มความมุ่งมั่นบนเวที โอลิมปิก

งานตลาดนัดคนข่าวกีฬา ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นนี้ จัดขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างสื่อมวลชนสายกีฬากับเหล่านักกีฬาชื่อดังของประเทศ โดยมีทัพนักกีฬาไทยเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง นำโดย "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย, "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยหญิงเหรียญทองแดงโอลิมปิก และ "เอสที" วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเก็ตบอร์ดสาวดาวรุ่ง อายุน้อยที่สุดในทัพนักกีฬาไทยที่ได้ไปแข่งขันในโอลิมปิก ปารีส 2024 นอกจากนี้ยังมีคณะผู้ฝึกสอนระดับแนวหน้าของวงการกีฬาไทยเข้าร่วมงานด้วย อาทิ โค้ชเช ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย, พันตำรวจโทวิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนมวยสากลหญิงทีมชาติไทย และ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย

คว้าเหรียญทองและสร้างประวัติศาสตร์บนเวที โอลิมปิก

เหล่านักกีฬาฮีโร่เหล่านี้ล้วนมีผลงานยอดเยี่ยมบนเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าเหรียญทองได้ถึง 2 สมัย ในการแข่งขัน โอลิมปิก รีโอ 2016 และ โอลิมปิก โตเกียว 2020 และยังมี "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง ที่คว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขัน โอลิมปิก ริโอ 2016 รุ่น 66 กิโลกรัม นอกจากนี้ "เอสที" วารีรยา สุขเกษม ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024ความสำเร็จของนักกีฬาเหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจและพลังใจให้กับเยาวชนไทยที่กำลังฝันจะก้าวเข้าสู่วงการกีฬาระดับนานาชาติ การที่ได้เห็นดาวขึ้นฟ้าเหล่านี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั่วประเทศ และเป็นแรงหนุนให้ทัพนักกีฬาไทยใช้เป็นแรงผลักดันและก้าวไปสู่ความสำเร็จในครั้งต่อไป

เตรียมพร้อมสู่เวที โอลิมปิก ปารีส 2024

นอกจากความสำเร็จในอดีตแล้ว ทัพนักกีฬาไทยยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ จากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ด้วยเงินรางวัลรวมกว่า 65.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยกระดับความพร้อมและการเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 รวมถึงการส่งขบวนแห่ความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวไทยได้ร่วมยินดีกับความสำเร็จของพวกเขานอกจากการสร้างความสำเร็จทางกีฬาแล้ว ความร่วมมือระหว่างสมาคมกีฬาต่างๆ และสื่อมวลชนสายกีฬา ก็เป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยให้ก้าวไกลต่อไป โดยผ่านงานตลาดนัดคนข่าวกีฬาครั้งนี้ ที่มีการเสวนาในหัวข้อ "ทิศทางของโอลิมปิกไทย" เพื่อหารือถึงแนวทางและแผนการสำหรับการแข่งขันในอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทัพนักกีฬาไทย และเป็นพลังหนุนหลังที่สำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จบนเวทีโอลิมปิกครั้งต่อไป

เธอชนะสังเวียน แต่ยังมีขวัญใจมหาชนมากว่านั้น

อิมาน เคลิฟ นักมวยสาวชาวแอลจีเรีย เคยเป็นไชโุตตาขึ้นเล่นกับความคาดหวังของสังคม แต่เธอสามารถคว้าเหรียญทองในโอลิมปิก 2024 ได้อย่างภาคภูมิใจ นอกจากนั้น เธอยังสามารถสะบัดคราบนักกีฬาแล้วปรับลุคเป็นสาวสวยได้อย่างสง่างาม

เธอเป็นแชมป์ที่มากกว่าชัยชนะ

จากนักมวยสาวสู่ราชินีแห่งความงาม

หลังจากคว้าเหรียญทองในโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส อิมาน เคลิฟ ได้เดินทางกลับประเทศบ้านเกิด และแทนที่จะยังคงเป็นนักมวยที่เข้มแข็ง เธอกลับสลัดคราบนักกีฬาแล้วเปลี่ยนลุคเป็นสาวสวยหวานผ่านอินสตาแกรม IG: beauty.code.officiel โดยได้เขียนข้อความว่า "ความสวยเพื่อแชมป์ของเรา" เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอสามารถเปลี่ยนบทบาทได้อย่างสง่างาม จากนักมวยบนสังเวียนมาเป็นสาวสวยที่ดึงดูดใจ

บุคลิกภาพที่สะท้อนตัวตนที่แท้จริง

เคลิฟ ได้แสดงให้เห็นว่า รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ของความเป็นผู้หญิงที่แท้จริง เธอกล่าวว่า "เราสามารถเป็นผู้หญิงที่สง่างามได้เมื่อคุณต้องการ แต่บนสังเวียน คุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรือใส่รองเท้าส้นสูง คุณต้องการแค่วิธีการชก ความแข็งแกร่ง และการชก ซึ่งเป็นแก่นแท้ของบุคลิกภาพของเธอ" ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเป็นผู้หญิงที่แท้จริงนั้นมีมากกว่าแค่การแต่งกายหรือภายนอก แต่มันขึ้นอยู่กับตัวตนและค่านิยมภายในของแต่ละบุคคล

การปรับเปลี่ยนในตัวเธอ

เคลิฟ ยังได้ระบุว่า "เช่นเดียวกันหนวดนั้นไม่ได้นิยามความเป็นผู้ชาย แมลงเต่าทองเองก็มีหนวดเช่นกัน เพราะฉะนั้นการแต่งกาย ต่อผม ไม่ได้นิยามการเป็นผู้หญิงใดๆ" ซึ่งสะท้อนถึงความคิดที่ว่า การแต่งกายหรือลักษณะภายนอกของเราไม่ได้บ่งบอกว่าเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอย่างถาวร ทุกคนควรมีอิสระที่จะแสดงตัวตนของตนเองตามที่ต้องการ โดยไม่ต้องสนใจบรรทัดฐานทางสังคม