ฮีโร่ไทยสร้างสถิติ ทองโอลิมปิกคู่ ชื่นชมพระมหากรุณาธิคุณในความภาคภูมิใจ

หลังจากทัพนักกีฬาทีมชาติไทยทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 "ปารีสเกมส์" ด้วยการคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง อันเป็นความสำเร็จที่สะท้อนถึงศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ที่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของนานาชาติ

ผลงานยอดเยี่ยมของนักกีฬาทีมชาติไทย ภาคภูมิใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ

พระมหากรุณาธิคุณองค์พระมหากษัตริย์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานของขวัญ ช่อดอกไม้ และกระเช้าให้แก่นักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในความภาคภูมิใจของพวกเขา ซึ่งเป็นการสร้างความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ นักกีฬาต่างซาบซึ้งและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งนักกีฬาทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนชาวไทยมาร่วมแสดงความยินดีกันคึกคักตลอดเส้นทางขบวนแห่ ซึ่งนับเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จและความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน

การจัดงานเลี้ยงฉลองชัย และการมอบเงินรางวัล

กกท. ร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยจัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้แก่นักกีฬา โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธี มีการมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 65.9 ล้านบาท สำหรับนักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนที่ประสบความสำเร็จประธานคณะกรรมการโอลิมปิกฯ กล่าวชื่นชมผลงานของนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ โดยเฉพาะนักเทนนิส "พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกติดต่อกันสองสมัย ถือเป็นประวัติศาสตร์ของนักกีฬาไทย อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อความเป็นเลิศในอนาคต

ศักยภาพและความสำเร็จของนักกีฬาทีมชาติไทย

ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยสามารถรักษามาตรฐานผลการแข่งขันในระดับโลกไว้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยคว้าเหรียญรางวัลเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน และอันดับที่ 44 จากทั้งหมด 206 ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน สะท้อนถึงศักยภาพและความสามารถของนักกีฬาไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลนักกีฬาทุกคนทั้งที่ได้และไม่ได้เหรียญรางวัล รวมถึงผู้ฝึกสอนและสมาคมกีฬา ต่างทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ ซึ่งผลงานดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศชาติ และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนรุ่นหลัง ให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในอนาคต

เกียรติยศแห่งแข้งไทย สู่ปรีดีกีฬาและสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จัดงาน "Welcome Back Thai team ขอบคุณที่สุดแห่งนักกีฬาไทย!" เพื่อต้อนรับนักกีฬาทีมชาติไทยที่ร่วมลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีเหล่าผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการโอลิมปิกเกมส์ปารีส 2024 ในประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีต้อนรับและมอบของขวัญพิเศษให้แก่นักกีฬา

ภาคภูมิใจในความสำเร็จ แรงบันดาลใจให้กับคนไทย

นักกีฬาแสดงความภาคภูมิใจในโอกาสสำคัญ

นักกีฬาทีมชาติไทยทั้ง 7 คน ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความประทับใจจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ปารีส 2024 นักมวยสากลหญิง "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง กล่าวว่า เหรียญทองแดงที่ได้รับนั้นเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตการเป็นนักกีฬาทีมชาตไิทย และมุ่งมั่นที่จะคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกครั้งต่อไปที่ลอสแอนเจลิสในปี 2028 นักแบดมินตันหญิง "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ก็ได้แบ่งปันความประทับใจที่เพื่อนจากจีนของเธอได้ขอแต่งงานในระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งมีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

ย้ำภาพลักษณ์ดี สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน

นอกจากความสำเร็จในสนามแข่งขันแล้ว นักกีฬาบางคนยังได้พัฒนาตัวเองเป็น "อินฟลูเอนเซอร์" ด้วย โดย "เฟรม" ธนาคาร ไชยยาสมบัติ แชร์ว่ารู้สึกดีที่มีคนสนใจกีฬาที่เขาเล่นมากขึ้น และได้เป็นตัวแทนของชาวไทยในการรีวิวมัฟฟินที่ได้รับความนิยมจากนักกีฬาในหมู่บ้านโอลิมปิก ส่วน "ฝน" เบญญาภา จันทวรรณ กล่าวว่า ยังคงมีความสุขในการระลึกถึงช่วงเวลาที่ได้ลงแข่งขันไคท์บอร์ดในโอลิมปิก และชื่นชมในบรรยากาศการแข่งขันที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ "เฟี้ยว" จุฑามาศ จิตรพงศ์ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะกลับไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่อไปที่ลอสแอนเจลิสในปี 2028 จนทำให้แฟนกำปั้นชาวไทยเกิดแรงบันดาลใจตามไปด้วย

ความภาคภูมิใจจากการเป็นตัวแทนชาติ

นักกีฬาคนอื่น ๆ ก็แสดงถึงความภาคภูมิใจและเกียรติยศที่ได้รับจากการเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย "เอสที" วารีรยา สุขเกษม ซึ่งเป็นนักกีฬาสเกตบอร์ดอายุเพียง 12 ปี กล่าวว่าการได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกนั้นถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเธอ ส่วน "โซเฟีย" เกล มอนโกเมอรี่ นักกีฬาเรือใบก็มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทย และรู้สึกคุ้มค่ากับความพยายามและเวลาที่ทุ่มเทไปกับการฝึกซ้อม เพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสดี ๆ ในการแข่งขันครั้งนี้

ความปลื้มปิติของคณะผู้บริหาร

ฝ่ายผู้บริหารก็แสดงความยินดีและมอบของขวัญต้อนรับกลับมาให้แก่นักกีฬานี้ โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้มอบภาพวาดระลึกที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังชาวไทย Viput A. นอกจากนี้ ตัวแทนจากผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการโอลิมปิก เช่น บริษัทโตโยต้า สยามไดกิ้น และสปอนเซอร์อื่น ๆ ก็ได้ร่วมมอบของขวัญเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

เปิดตลาดนัดสนิทรายอัปเดตจากเหล่าฮีโร่โอลิมปิกไทย

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จัดงาน "ตลาดนัดคนข่าวกีฬา ปีที่ 3" ให้สื่อมวลชนและคนในวงการกีฬาได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้าเพื่อสร้างรายได้เสริม โดยการมาร่วมงานของนักกีฬาและผู้ฝึกสอนระดับแนวหน้าก็เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดให้ผู้ร่วมงานและแฟนกีฬาต่างให้ความสนใจ

ตลาดนัดแห่งโอกาสและความบันเทิงสำหรับคนรักกีฬา

เทนนิส-จันทร์แจ่ม-เอสที ร่วมเสริมพลังเหล่านักข่าวกีฬา

ในการจัดงานครั้งนี้ มีสุดยอดนักกีฬาระดับตำนานของทัพนักกีฬาไทยเข้าร่วมให้กำลังใจ อาทิ "เทนนิส" พานิคภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดทองโอลิมปิก 2 สมัย, "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักมวยทองแดงโอลิมปิก และ "น้องเอสที" วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเก็ตบอร์ดดาวรุ่ง โดยพวกเขาได้ร่วมเสวนากับโค้ชและผู้บริหารระดับสูงในวงการกีฬาไทยเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนากีฬาและความสำเร็จใน "โอลิมปิก ปารีส 2024" นอกจากนี้ ยังมีบรรดาโค้ชชื่อดัง อาทิ "โค้ชเช" ชัชชัย เช และ พันตำรวจโทวิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนมวยสากลหญิงทีมชาติไทย ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ วิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนากีฬาในอนาคต ให้กับเหล่านักข่าวกีฬา ผู้ติดตามข่าวสารวงการกีฬาอย่างใกล้ชิด

บรรยากาศคึกคักและกิจกรรมน่าสนใจเต็มพื้นที่ตลาดนัด

ภายในงานตลาดนัดนี้ ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่ตอบโจทย์ผู้เข้าชมทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการชิมช็อป ใกล้ชิดนักข่าวและนักกีฬาในดวงใจ อาทิ ร้านอาเฟงลี่ ที่ชวนลิ้มลองกุยช่ายหมีสูตรโบราณที่แรกของโลก, ร้านโกบุ้น ที่มีเสิร์ฟกาแฟโบราณและขนมปังปิ้งโบราณ, ร้านมินิกิมหยง ที่ขายของกินเล่นสุดฮอต และยังมีร้านอาหารพื้นถิ่นที่พร้อมเสิร์ฟเมนูดั้งเดิมให้ได้ลิ้มลองนอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสวนาบนเวที ที่นำโดยนักข่าวกีฬาและผู้เชี่ยวชาญชื่อดัง อาทิ การเสวนา "ทิศทางวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยจะเดินอย่างไร" โดย "โค้ชอ๊อต" เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร และ "เอ๋" บุษบรรณ จันทรารังษี และการเสวนา "โอลิมปิกปารีส...ฮาปนฮือ" โดย บรรดานักข่าวตัวพ่อที่เพิ่งกลับจากการทำหน้าที่ในโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปารีส

โอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนระหว่างคนข่าวกีฬากับนักกีฬาตำนาน

การจัดงานตลาดนัดคนข่าวกีฬา ปีที่ 3 นี้ ไม่เพียงแค่เปิดโอกาสให้คนข่าวกีฬาและบุคคลในวงการกีฬาได้พบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่นักกีฬาระดับโอลิมปิกจากหลากหลายกีฬา ได้มาร่วมให้กำลังใจ แบ่งปันวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนากีฬาไทยในอนาคต ซึ่งถือเป็นโอกาสอันมีค่าสำหรับเหล่าคนในวงการกีฬาได้ใกล้ชิดกับไอดอลในดวงใจ และร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเดินตามฝันในวงการกีฬา